19 Sep BYD ทุ่ม 1.7 หมื่นล้านขยายลงทุน ขนทัพชิ้นส่วนจีนหนุนไทยฮับรถยนต์ไฟฟ้า
“บีวายดี” สยายปีก ซื้อที่นิคม WHA 600 ไร่ ผุดศูนย์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กำลังผลิต 1.5 แสนคันต่อปี ปูพรมทั้งตลาดในประเทศและส่งออก
นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัท บีวายดี ออโต้ อินดัสทรี จำกัด (BYD) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามซื้อที่ดินกับนิคม WHA ระยอง 36 จำนวน 600 ไร่ เพื่อจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยจะมีการจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ พร้อมซัพพลายเชนอีกจำนวนหนึ่ง ดำเนินการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าพวงมาลัยขวาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ภายใต้กำลังการผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้าจำนวน 150,000 คันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนและยุโรป คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2567 สำหรับรถยนต์รุ่นแรกที่จะผลิต ได้แก่ ATTO3
“โรงงานนี้ถือเป็นการขยายโรงงานแห่งแรกนอกประเทศจีนและเป็นครั้งแรกในอาเซียน”
BYD ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ BEV และรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมเสียบปลั๊ก PHEV มูลค่าการลงทุน 17,891 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนด้านการทำตลาด BYD ได้ประกาศแต่ตั้งบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ให้เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 ภายใต้การดำเนินธุรกิจของ 2 พี่น้องตระกูลพรประภา นางสาวประธานพร พรประภา และนายประธานวงศ์ พรประภา ภายใต้การลงทุนมูลค่า 3,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายในปีแรกไว้กว่า 10,000 คัน มีโชว์รูมศูนย์บริการทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 31 แห่งในปีนี้ และปี 2566 จะขยายเพิ่มเป็น 60-70 แห่ง ขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าเป็น 1,000 หัวชาร์จ และตั้งเป้าหมายติด top 5 ในตลาดรถยนต์ภายใน 5 ปีด้วย
ด้านนางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 11 ของ WHA กรุ๊ป ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ใน
โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการซื้อขายที่ดินครั้งนี้ ถือเป็นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ในรอบ 20 ปีของ WHA กรุ๊ป และยังเป็นการตอกย้ำถึงกลยุทธ์การสนับสนุนโครงการอีอีซี และการดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industry) โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะมีผู้ผลิตชิ้นส่วนทยอยเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก
“การซื้อที่ดินครั้งนี้ตอกย้ำจุดแข็งของประเทศไทย ที่ยังดึงดูดนักลงทุนอุตสาหกรรมรายใหญ่จากประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ”
ที่มา : prachachat.net